UNSEEN CHINA บนเส้นทางสายชิงไห่
ชิงไห่อยู่ที่ไหน ใครรู้บ้าง ??
มณฑลชิงไห่ หรือมีความหมายเป็นภาษาไทยว่า “ทะเลสีเขียว” เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นตามชื่อทะเลสาบน้ำเค็มฉาร์ฮั่น (Qarhan) ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนและใหญ่ที่สุดในโลก
- ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑล
- บนที่ราบสูงชิงจ้าง
- ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลติดกับ
- เขตปกครองตนเองซินเจียง
- ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับเขตปกครองตนเองทิเบต
- ทิศตะวันออกติดกับมณฑลกานซู่
- ทิศใต้ติดกับมณฑลเสฉวน
- ความกว้างจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตกของมณฑลมีระยะทาง 1,200 กิโลเมตร
- จากทิศเหนือไปยังทิศใต้มีระยะทาง 800 กิโลเมตร
- มณฑลชิงไห่มีพื้นที่ทั้งสิ้น 720,000 ตารางกิโลเมตร
ภูมิประเทศโดยทั่วไปของมณฑลชิงไห่เป็นภูเขาและหุบเขา มีที่ราบแอ่งกะทะอยู่ตอนกลางของมณฑลคือ ที่ราบแอ่งกะทะไฉต๋ามู่ (Qaidamu) ความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยทั้งมณฑลประมาณ 3,000 เมตร
ถ้าหากพูดถึง ชิงไห่ ใครๆก็ต้องนึกถึงทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดของจีน
ทะเลสาบชิงไห่อยู่ในมณฑลชิงไห่ และอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในแดนชั้นในของจีน และเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดของจีนด้วย พื้นที่ราบสูงนี้มีทะเลสาบเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ซ้ำยังมีทุ่งหญ้า ทะเลทราย ภูเขาหิมะ ทัศนียภาพเหล่านี้กอปรกับน้ำในทะเลสาบสีคราม ริมทะเลสาบมีวัวและแพะ ฝูงนกบินเหนือน้ำ อีกทั้งยังมีฝูงปลาแหวกว่ายอยู่ในน้ำ…
4 เรื่องน่ารู้ของทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดในจีน
1.มีขนาดใหญ่กว่าประเทศสิงคโปร์สี่เท่า
ด้วยขนาดพื้นที่ผิวทะเลสาบกว่า 4,500 ตร.กม. ทะเลสาบซิงไห่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 3,196 เมตร น้ำลึกโดยเฉลี่ย 19 เมตร และจุดที่ลึกที่สุด 39 เมตร ซึ่งมีภูเขาโอบล้อมทุกทิศทาง หากเดินรอบทะเลสาบจะมีระยะทางกว่า 360 กิโลเมตร ทะเลสาบชิงไห่มีระยะทางห่างจากเมืองซีหนิงซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลชิงไห่ 150 กิโลเมตร ซึ่งเส้นทางระหว่างเมืองซีหนิงและทะเลสาบชิงไห่เป็นหนึ่งในเส้นทางสายไหมที่เดินทางไปชินเกียง แต่ไม่ได้รับความนิยมมากนักเนื่องจากผู้เดินทางส่วนใหญ่จะนิยมเดินทางเส้นทางสายไหมทางเหนือมากกว่า ความน่าสนใจอีกประการของทะเลสาบชิงไห่คือสีของทะเลสาบที่มีหลายเฉดสี ดังนั้นอีกชื่อหนึ่งของทะเลสาบแห่งนี้ที่ชาวบ้านเรียกกันคือ ” ทะเลสาบ 7 สี ”
2.พบปลาที่มีเพียงแห่งเดียวในโลก
บริเวณทะเลสาบจะพบปลาไม่มีเกล็ด คล้ายปลาคาร์ฟ ที่มีชื่อว่า ‘ปลาหวง’ ปลาชนิดนี้ถือเป็นปลาอนุรักษ์ของทางการจีน ห้ามไม่ให้มีการจับขึ้นมา หากเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในอุทยานจับได้จะถูกไล่ออก ชาวจีนที่อยู่บริเวณไม่นำปลาชนิดมากินด้วยความเชื่อว่าเป็นปลาที่อยู่ในทะเลสาปศักดิ์สิทธิ์ จากการศึกษาพบว่าพื้นที่ทะเลสาบชิงไห่เคยเป็นทะเลและมหาสมุทรมาก่อนเมื่อหลายล้านปีที่แล้ว แต่หลังจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก พื้นที่บริเวณนี้จึงมีการยุบตัวกลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ทำให้เกิดจุดเด่นอีกประการของทะเลสาบชิงไห่คือมีน้ำไหลเข้าอย่างเดียว ไม่มีน้ำไหลออกไปข้างนอก โดยมีแม่น้ำและลำธารกว่า 23 สายที่ไหลลงทะเลสาบแห่งนี้
3.รอบทะเลสาบมีการปลูกดอกคาโนลา
บริเวณรอบทะเลสาบชิงไห่มีการปลูกดอกคาโนลา (Canola) ซึ่งดอกชนิดนี้จะนำไปสกัดเป็นน้ำมันเพื่อใช้บริโภคโดยนำไปประกอบอาหาร ด้วยพื้นที่กว่า 400 ล้านตารางเมตร พื้นที่ปลูกดอกคาโนลาบริเวณทะเลสาบชิงไห่จึงเป็นแหล่งผลิตน้ำมันเพื่อใช้ในการบริโภคที่สำคัญของภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน
4.เป็นพื้นที่อพยพของนกน้ำ
พื้นที่บริเวณทะเลสาบชิงไห่ถือเป็นพื้นที่ในเขตอนุรักษ์เนื่องจากจะมีนกอพยพมาอาศัยในช่วงหน้าร้อน โดยเป็นนักที่อพยพมาจากทางตอนเหนือของจีนและยุโรปกลาง ทะเลสาปชิงไห่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานอนุรักษ์ธรรมชาติในปี1997
นอกจากนั้นทะเลสาบชิงไห่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในแถบมณฑลชิงไห่โดยช่วง Hi-Season ของการท่องเที่ยวทะเลสาบชิงไห่คือ เดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมเนื่องจากมีอากาศเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงหน้าร้อนคือ 15 องศาเซลเซียส ขณะที่ในช่วงเดือนอื่นนั้น พื้นที่บริเวณทะเลสาบจะถูกปกคลุมด้วยหิมะ ในบางเดือน อากาศบริเวณนี้จะหนาวจัด อุณหภูมิติดลบ 30 องศาเซลเซียสทำให้น้ำในทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็ง และช่วงหน้าหนาวปริมาณออกซิเจนบริเวณทะเลสาบชิงไห่มีปริมาณต่ำ ไม่เหมาะกับการท่องเที่ยว ขนาดคนที่อาศัยอยู่ในแถบนี้ก็อยู่ค่อนข้างลำบากในช่วงหน้าหนาว